6 สิงหาคม 2553

พระธาตุคุณพ่อบอสโก

คุณพ่ออัครธิการของคณะซาเลเซียน คุณพ่อ ปาสกวัล ชาเวส ได้จัดให้พระธาตุของคุณพ่อบอสโกนี้ได้เดินทางรอบโลก  รวมถึงเดินทางมาประเทศไทยด้วยในวันที่  18 ถึง 30  พฤศจิกายน 2553  โดยพระธาตุของคุณพ่อบอสโกนี้ทำจาก ขี้ผึ้งที่ปั้นเป็นร่างของคุณพ่อบอสโกซึ่งภายในนั้นเป็นกระดูก ของคุณพ่อบอสโก  มีโอกาสไม่มากนักที่เราจะได้ต้อนรับพระธาตุของคุณพ่อบอสโก  ซึ่งหากใคร เป็นศิษย์ของซาเลเซียน ผมคิดว่างานนี้ เป็นสิ่งสำคัญ  มาก  ผมเองก็อยากไปร่วมมาก  แต่ตอนนี้ไม่มีข้อมูลมากกกว่านี้แล้วก็ขอ จบไว้เท่านี้นะครับ

ที่มา  http://www.thaisdb.org/

14 มีนาคม 2553

หนังสือชีวประวัติพ่อบอสโก

วันก่อนผมเข้าไปค้นดูว่า Keyword ใดที่ทำให้มาเจอเว็บนี้ครับ ปรากฎว่าผมพบคำว่า การ์ตูนพ่อบอสโก หรืออะไรพวกนี้ครับ ผมจึงลองหาดูว่าผมยังพอมีมีชีวประวัติพ่อบอสโกอยู่ไหม ผมจึงนำชีวประวัติ พ่อบอสโกมา ฝากครับ เป็นฉบับการ์ตูน ประมาณ 80 หน้าครับ ที่เว็บของวัดแม่พระประจักษ์เมืองลูร์ด  หาดใหญ่ ครับ  ดูได้ที่นี่เลยครับ  http://www.catholichatyai.net/allpicture/apindex.phpcook=donbosco&start=1&end=80&filename=Donbosco/don
http://www.mediafire.com/?yg3gzoyj35y  นี้เป็นไฟล์ .zip ครับ รวบรวมทั้งหมดมาครับ

13 มีนาคม 2553

รูปแบบของซาเลเซียน

ภาพถ่ายคุณพ่อบอสโก

ผมอาศัยอยู่ในโรงเรียนแสงทองวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนซาเลเซียน และอยู่ในหาดใหญ่  ซาเลเซียนเป็นคณะนักบวชที่ทำงานเพื่อ เยาวชน ผู้ก่อตั้งคณะซาเลเซียนคือคุณพ่อบอสโก  โดยมีเจตนารมณ์ว่า "ขอแต่วิญญาณ ไม่ต้องการสิ่งอื่นใด"  ซึ่งหมายถึง ขอให้วิญญาณของเยาวชนรอดพ้นจากบาป  โดยใช้หลักการของคณะซาเลเซียน คือ "เหตุผล ศาสนา  ความรักใจดี"  และ ระบบป้องกัน  คือ การ เชิญชวนมากกว่าบังคับ และ ใช้ป้องกันการทำความผิดมากกว่าการลงโทษ  โรงเรียนผมคิดว่าการที่โรงเรียนซาเลเซียนแตกต่างจากโรงเรียนทั่วไปก็เพราะว่า มีคณะผู้ใหญ่(คือนักบวชในศาสนาคริสต์)มาให้โอวาทในตอนเช้า เป็นคติข้อคิด ข้อเตอนใจ สำหรับเราเพื่อนำไปใช้ในชีวิต  และสิ่งนี้เองที่ผมคิดว่ามันสำคัญมาก เพราะหากเรานำมันมาใช้ในชีวิต  การเรียน และความประพฤติของเราจะก้าวไปในทางที่ดีพร้อมๆกัน

12 มีนาคม 2553

Mascot น่ารักของ FireFox : FoxKeh

พูดถึง FireFox ก็เป็น Web Browser ตัวหนึ่งครับ ที่ผมชอบใช้งานมาก จนไม่ใช้งาน IE เลย ถึงแม้มันอาจจะไม่เร็วนักแต่ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่ามันปลอดภัยครับ  มาเข้าเรื่องกันครับ  ตอนนี้มีการสร้าง mascot (ตัวแทน สัญลักษณ์)  ของ Firefox ที่ประเทศญี่ปุ่นครับ ซึ่ง mascot นี้มีมานานแล้วครับ มีทั้ง wallpaper  ตัว foxkeh นะครับ  ลองนำไปใช้กันดูมันอาจช่วยทำให้ มีสีสันขึ้นได้ครับ  http://www.foxkeh.com/  แต่ตอนนี้ http://www.foxkeh.com/  หยุด update ไปพักนึงครับ ซึ่งทางเว็บแจ้งว่าถ้าจะดู update ให้ดูทีี่ http://foxkeh.jp  ถ้าใครใช้ foxkeh.com แล้ว ใช้ foxkeh.jp  ก็มีโครงสร้างเหมือนกันครับ  ต่างกันที่ภาษาครับ  ลองใช้แล้วอย่าลืมแบ่งปันแก่ผู้อื่นด้วยนะครับ

6 มีนาคม 2553

สอบเสร็จแล้ว ก็มาพักผ่อนกันหน่อยครับ

วันนี้ ผมไปสอบ GAT มาครับ เป็นการคิดวิเคราะห์ที่สนุกมากครับ  ทุกๆท่าน ก็อย่าเพิ่งเครียดเกินไปกับการสอบนะครับ  เอาเป็นว่า เรามาพักผ่อนกันด้วยการอ่านการ์ตูน ภาษาอังกฤษ  เป็นการฝึกภาษาไปด้วยในตัว ที่ www.mangafox.com ครับ  ที่นี่มีการ์ตูนหลายเล่มที่ไทยยังไม่ออกครับ

ถ้าว่างๆ หรือเบื่อก็เข้าไปอ่านกันนะครับ  ผมอ่าน pokemon special ที่นี่ครับ  http://www.mangafox.com/manga/pok_mon_adventures/

3 มีนาคม 2553

สอบ สอบ สอบ มากินอาหารเพื่อการสอบกันครับ

 ช่วงนี้ หากใครอยู่ในวงการ การศึกษา ก็มีแต่เรื่องสอบนะครับ  สอบทุกวันเรามาดูแลตนเองกันบ้างครับ ก่อนสอบ ทานอาหารช่วยบำรุงสมองกันบ้างนะครับ  ใครสอบก็ดูแลตนเองดีดี จะได้สอบได้ดีดีครับ สุขภาพก็ส่งผลต่อการคิดและ ต่อสมอง เช่นกันครับ

อาหาร บำรุงสมอง ฉลาดทันใจภายใน 7 วัน  www.cheewajit.com/

สมองปรอดโปร่งด้วยอาหารเช้า 
    ด้วยความเร่งรีบของวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ ทำให้ใครหลายคนละเลยการรับประทานอาหารเช้าโดยไม่รู้ตัว หรือรับประทานน้อย ทั้งๆที่อาหารมื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญที่สุดของวัน
    รศ.ดร. ประไพศรี ศิริจักรวาล อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า
    “อาหารเช้า เป็นการเปิดรับพลังงานให้ร่างกาย เพราะร่างกายไม่ได้ทานอาหารมาตลอดทั้งคืน เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6-8 ชั่วโมง เมื่อตื่นนอนก็ต้องมีกิจกรรมตลอดทั้งวัน ร่างกายจึงต้องการใช้พลังงานจากอาหารเช้าเพื่อแปรเปลี่ยนไปเป็นน้ำตาลกลูโคส เพื่อไปเลี้ยงสมองอย่างเพียงพอ
    “ดังนั้น การได้รับอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในมื้อเช้า ย่อมทำให้มีพลังในการทำกิจกรรมต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ สมองแจ่มใส อารมณ์ไม่หงุดหงิด สมาธิดี”
เพิ่มพลังชีวิตด้วยอาหารกลางวัน
    “กลางวันนี้กินอะไรกันดี” คำถามยอดฮิตที่บางครั้งหาคำตอบยากเหลือเกิน มาฟังเทคนิคการเลือกอาหารกลางวันที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์กันดีกว่า
   หนังสือ THE NATURE DOCTER : A Manual of Traditional and Complementary Medicine แนะนำว่า

  • รับประทานสลัดหรือเมนูผักเพื่อเติมแร่ธาตุ วิตามินให้กับร่างกาย
  • รับประทานอาหารที่มีถั่วเหลือง หรือผลิตภัณฑ์แปรรูปจากถั่วเหลืองเป็นส่วนประกอบ เพื่อรับโปรตีนบริสุทธิ์จากพืชทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์
  • รับประทานข้าวกล้อง หรือเมนูอาหารที่มีส่วนประกอบของธัญพืชที่ไม่ได้ผ่านการขัดสี เช่นข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เล่ต์ เพื่อเพิ่มโปรตีน เร่ธาตุ และวิตามิน ทำให้สมองปิ๊ง พร้อมสู้งานต่อตลอดบ่าย
สบายท้อง พร้อมพักผ่อนด้วยอาหารเย็น
    อาหารเย็นเป็นมื้อที่คุณควรบริโภคให้น้อยที่สุด แต่ในปริมาณน้อยนั้น ก็ต้องคำนึงถึง
คุณภาพด้วย
    หนังสือ THE NATURE DOCTER : A Manual of Traditional and Complementary Medicine แนะนำว่า

  • เลือกเมนูอาหารเบาๆ จะสบายท้อง นอนหลับสบาย
  • รับประทานอาหารธรรมชาติ ปราศจากการแปรรูป แม้จะบริโภคไม่มาก แต่ร่างกายก็จะได้รับสารอาหารเต็มที่ แถมยังทำให้ไม่หิวในช่วงกลางคืน สมองปรอดโปร่ง พร้อมรับเช้าวันใหม่
สมดุลอาหาร & พลังงาน
    วิถีชีวิตและกิจกรรมที่แตกต่างกันไปของแต่ละคน เป็นปัจจัยในการเลือกรับประทานอาหารบำรุงสมองด้วยเช่นกัน
    รศ.ดร. ประไพศรี กล่าวว่า “การรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ ควรคำนึงถึงวิถีชีวิต และกิจกรรมที่ต้องทำในแต่ละวันด้วย
    “ยิ่งถ้าต้องทำงานที่ใช้ความคิด หรือกิจกรรมที่ไม่อยู่นิ่งตลอดเวลา อาหารที่รับประทานแต่ละมื้อก็ต้องให้พลังงานเพียงพอ
    “นอกจากนั้น ต้องเลือกรับประทานให้สมดุลกับพลังงานที่ต้องการในแต่ละวัน ไม่มากไม่น้อยเกินไป
    “ยกตัวอย่าง ถ้าช่วงเช้าต้องประชุม แน่นอนว่าต้องใช้ความคิดมาก อาหารเช้าที่รับประทานก็ต้องเป็นอาหารที่ช่วยบำรุงสมอง ทำให้สมองปรอดโปร่ง ไม่ใช่แค่ดื่มกาแฟเพียงแก้วเดียว เป็นต้น”
    เมื่อวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่เป็นแบบนี้ ในหนึ่งสัปดาห์เราจะเลือกกินอย่างไรดี เพื่อสุขภาพสมอง

ออกกำลัง ตา กันหน่อยครับ จาก ชีวจิต ครับ

วันนี้เอาบทความที่เจอมานานแล้วแต่ลืมทุกทีมาฝากทุกๆท่านครับ เป็นการบริหารสายตา ตามแบบชีวจิตครับ


บริหาร ตาบอกลาแว่น  จาก www.cheewajit.com
          อะไร เอ่ย...เวลาใช้ต้องเอาหน้าซุกหว่างขา ฮ่า ฮ่า ก็แว่นตาน่ะสิคะ ส้มจี๊ดเป็นคนหนึ่งล่ะค่ะที่ไม่ชอบสวมแว่นตาเพราะรู้สึกรำคาญดั้งจมูกเป็น ที่สุด วันนี้เลยนำวิธีบริหารลูกตาเพื่อลดอาการสายตาสั้นกันสายตายาวมาฝากกันค่ะ
  • ท่าที่ 1 กรอกลูกตามองไปทางซ้ายสุด และมองมาทางขวาสุดเท่าที่จะทำได้ ทำ 10 ครั้ง
  • ท่าที่ 2 เหลือบลูกตาขึ้นมองเพดาน โดยวางหน้าตรงไม่แหงน และเหลือบตาลงล่างสุดมองพื้น ทำขึ้นๆลงๆ 10 ครั้ง
  • ท่าที่ 3 เหลือบตามองขึ้นไปที่ปลายคิ้วซ้าย และลากตาเหลือบลงมาที่แก้มขวา ทำ 10 ครั้ง
  • ท่าที่ 4 เหลือบตามองขึ้นไปที่ปลายคิ้วขวา และลากตาเหลือบลงมาที่แก้มซ้าย
  • ท่าที่ 5 กรอกลูกตาหมุนไปเป็นวงกลมซ้าย-ขวา ทำข้างละ 10 ครั้ง
  • ท่าที่ 6 เป็นการเพ่งลูกตาเพื่อบริหารกล้ามเนื้อทั้ง 6 มัด พร้อมกันโดยการนั่งบนเก้าอี้ วัดความสูงจากยอดศีรษะตนเองถึงก้นที่นั่ง บนเก้าอี้ เช่น วัดได้ 70 เซนติเมตร เอาความยาว 70 เซนติเมตร วัดจากลูกตาไปที่กำแพงในท่านั่งเก้าอี้แล้วจุดหรือทำสัญลักษณ์ไว้ที่กำแพง ระดับเดียวกับลูกตาในขณะที่นั่งเก้าอี้นั้น จากนั้นค่อยๆเพ่งมองจุดหรือสัญลักษณ์นั้น ห้ามกระพริบตาจนรู้สึกแสบตา น้ำตาเอ่อออกมาจึงค่อยกระพริบตา ทำหลายๆครั้ง จะรู้สึกว่าสายตามองชัดเจนขึ้น
  • ท่าที่ 7 หลับตาทั้งสองข้าง เอานิ้วชี้ทั้งสองข้างวางเหนือหัวคิ้วแต่ละข้างแล้วค่อยๆกดนวดคิ้วและรอบดวง ตา เพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่อยู่รอบนอกของตา
          นอกจากลดสายตาสั้นกันสายตายาว ช่วยให้ไม่ต้องเปลี่ยนแว่นบ่อยๆแล้ว การบริหารดวงตายังช่วยลดและป้องกันอาการบกพร่องที่จอรับภาพได้อีกด้วย (อาการบกพร่องที่จอรับภาพคือรู้สึกตามีแสงแปลบปลาบหรือเห็นหิ่งห้อยวิ่งไปมา หรือเห็นเป็นแสงสว่างวงๆวาบๆ บ่อยๆ อาการเหล่านี้หากปล่อยไว้จอรับภาพอาจพิการหรือถึงกับมองไม่เห็นได้) เพราะการบริหารลูกตาอย่างสม่ำเสมอทุกๆวันช่วยให้เลือดมาเลี้ยงจอรับภาพมาก ขึ้น อาการบกพร่องจะน้อยลงหรืออาจหายไปได้ และสำหรับคนที่สายตาปกติดีอยู่แล้ว การบริหารนี้ก็ช่วยให้กล้ามเนื้อตาแข็งแรงนัยน์ตาสดใสค่ะ

26 กุมภาพันธ์ 2553

นานมากครับ ที่ไม่ได้ update

นานแล้วครับ ที่ไม่ได้ update blog  วุ่นกับการสอบ O-NET ที่มีปัญหามากมาย  ดูได้ที่นี่  http://www.dek-d.com/o-net/

แล้วก็เรื่องดังการเมืองอีกครับ มีเรื่่องมากมายทุกวันเลย  ไม่เคยสงบสักที  เวลานี้ก็จะเข้ามหาลัยแล้วครับ  ต่อไปก็คงมีเรื่อง ทั้งดีและร้ายเข้ามาในชีวิต แต่เราก็ต้องยืนหยัดต่อสู้กับมัน เพื่อให้ผ่านไปได้ครับ

7 กุมภาพันธ์ 2553

สมุดเยี่ยม

ผมให้หน้านี้เป็นสมุดเยี่ยม  ใครต้องการบอกอะไรก็ comment มาได้นะครับ จะได้พัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

31 มกราคม 2553

วันนี้ วันฉลองพ่อบอสโก 31 ม.ค.

วันที่ 31 ม.ค. เป็นวันสิ้นใจของนักบุญ ยอห์น  บอสโกผู้ก่อตั้งคณะซาเลเซียน  โรงเรียนแสงทองนี้ ก็เป็นโรงเรียนซาเลเซียนโรงเรียนหนึ่ง  เรามีงานในวันที่ 29 ม.ค. แล้ว  ผมมีความนับถือพ่อบอสโกมาก  เพราะ เมื่อท่านบวช เป็นพระสงฆ์ (หรือที่เรียกว่าบาทหลวง)  ท่านก็มีข้อตั้งใจ ในการเป็นพระสงฆ์ เช่น ไม่มีการไปงานเลี้ยงสังสรรค์   ทำงานเพื่อเยาวชน และท่านก็สร้างระบบการอบรมขึ้นมาได้  ซึ่งแสดงให้เห็นว่า  เราควร  มีข้อตั้งใจอะไรของเราบ้าง เพื่อจะได้สำเร็จจุดประสงค์นั้น


เนื้อหาข้างล่างนี้  เป็นส่วนหนึ่งจาก  http://www.thaisdb.org
URL : http://www.thaisdb.org/index.php?option=com_content&view=article&id=53&Itemid=59&showall=1


วิธีการอบรมของนักบุญยอห์น บอสโก

ระบบ ป้องกัน ที่คณะซาเลเซียนทั้งชายและหญิงใช้ในการอบรมเยาวชนทั้งชายและหญิงทั่วโลกระบบ ป้องกัน เป็นลักษณะเฉพาะ เป็นวิธีบำเพ็ญชีวิตจิตและวิธีการทำงานอภิบาลของกระแสเรียกซาเลเซียนในพระ ศาสนจักรคาทอลิก เป็นประสบการณ์ด้านความรักการแพร่ธรรม ซึ่งมีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าเป็นต้นธารและมีพระนางมารีเป็นแบบฉบับในการ เอาใจใส่เยี่ยงมารดา ระบบป้องกันนี้ ยังหมายถึงการอยู่ท่านกลางเยาวชนอย่างผู้อบรม ใช้พลังความรักและแรงจูงใจ โดยร่วมงานกับพระจิตเจ้า เพื่อให้พระคริสตเจ้าเจริญเติบโตในใจของเยาวชน คุณพ่อบอสโกเชื่อว่าเยาวชนทุกคนมีเมล็ดพันธุ์แห่งความดีและพลังที่ซ่อนอยู่ ซึ่งต้องการให้ผู้อบรมชี้แนะ เพื่อให้เมล็ดนั้นเติบโตขึ้น ท่านถือว่าการอบรมก่อนอื่นหมดเป็นเรื่องของหัวใจ



ระบบ การอบรมเด็กมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน แต่ระบบที่คุณพ่อบอสโกได้เลือกมาใช้นั้นเป็นระบบที่ยึดหลักสุภาษิตที่ว่า กันไว้ดีกว่าแก้ กล่าวคือการป้องกันมิให้เด็กได้มีโอกาสที่ผิด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลงโทษเมื่อเด็กได้กระทำความผิด และการอบรมให้เด็กทำหน้าที่ต่างๆ โดยสมัครใจเอง ทฤษฎีที่สอนว่า เราควรปล่อยให้เด็กได้มีโอกาสอยู่ในความไม่ดีต่างๆ เพื่อให้เขาได้ฝึกหัดตัว ในการต่อสู้กับความชั่วทั้งหลายเหล่านั้น เป็นทฤษฎีที่ใช้ไม่ได้ในการอบรมเด็กและเยาวชน เพราะความชั่วต่างๆ ฝังรากลึกอยู่ในใจของเด็กอยู่แล้ว เพราะกำลังใจของเขายังอ่อนแอเกินไป ไม่ช้าก็เร็วเด็กก็ต้องพ่ายแพ้แก่การยั่วยวนของความชั่วต่างๆ บิดามารดาจำนวนมากที่ปล่อยบุตรของตนให้เป็นอิสระเกินควร เช่น ปล่อยเขาให้คบเพื่อนไม่เลือกหน้า ไปเที่ยวกลางคืน ไปดูภาพยนตร์หรือการแสดงที่ไม่เหมาะสมกับวัย อ่านหนังสือประเภทลามกอนาจาร ฯลฯ ในที่สุดตัวพ่อแม่ของเด็กเองที่จะได้รับทุกข์จากความประพฤติที่ไม่ดีของบุตร เป็นการตอบแทน

30 มกราคม 2553

ห้องเรียนของผม

ผมเป็นนักเรียนใหม่ ที่โรงเรียนแสงทอง  ครูประจำชั้นของผมก็เป็นครูใหม่เช่นกัน  ผมมีความสุขที่ได้อยู่ในห้องเรียน  ได้แนะนำตนเองแก่เพื่อน  ในตอนแรกผมรู้สึกว่าการเรียนที่นี่ง่ายมาก  ผมเพียงตั้งใจเรียนและส่งงานให้ครบ  ก็ทำให้ผมได้อันดับต้นๆ ของชั้น (ประมาณที่ 2-3 ครับ จำไม่ได้)

ผมคิดว่าเพราะที่นี่มีแต่นักเรียนชาย จึงทำให้ที่นี่สามารถปกครองนักเรียนได้ง่ายกว่า  ผมสุขใจในการเรียนในห้องเรียน  ได้เล่นกับเพื่อนในยามพัก  รักที่จะเข้าห้องสมุดโรงเรียน  แต่แน่นอนว่าที่นี่ก็มีทั้งสิ่งดีและไม่ดี เหมือนที่อื่นทั่วไป  เพื่อน รุ่นพี่ บางคนก็ดี และ ไม่ดี มีพอๆกัน  แต่สิ่งที่ผมสามารถทำได้ในเวลานั้นก็คือ  ผมสามารถเลือกได้ว่าผมจะคบกับใคร จะเป็นแบบไหน  แต่ไม่สามารถเลือกได้ว่าอะไรจะผ่านมาในชีวิตบ้าง  แต่เราต้องเจอกับอนาคตแน่นอน  ขึ้นอยู่กับเราว่าจะเลือกนำสิ่งใดเข้ามาใช้ในชีวิต  เลือกสิ่งดี และปล่อยสิ่งไม่ดีผ่านไป  อย่างไรก็ตามเราสามารถเลือกได้ ขึ้นอยู่กับเรา

29 มกราคม 2553

วันแรกในแสงทอง

เนื่องด้วยผมเป็นนักเรียนประจำ  ผมจึงต้องเข้าโรงเรียนก่อนที่โรงเรียนจะเปิด 1  วัน  วันนั้นผมยังไม่มีเพื่อนที่ผมรู้จักเลยครับ  ผมรู้สึกเศร้า  เสียใจที่ต้องจากบ้านมาอยู่ที่โรงเรียนนี่ถึงแม้โรงเรียนจะมี กีฬาให้เล่น มีรุ่นพี่  แต่ตอนนั้นผมไม่รู้จักใคร และยังไม่ค่อยชอบอาหารที่นี่อีก  ช่างเป็นคืนที่แสนเศร้า  เมื่อคืนอันยาวนาน นั้นผ่านไป  เช้าวันแรกของโรงเรียนก็เริ่มขึ้น  โรงเรียนเริ่มจากการจัดแถว  ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าผมอยู่ห้องใด  แต่ปัญหาเหล่านั้นก็ผ่านไปได้  ผมรู้จักคนที่นั่งหลังผม  เขาก็เป็นนักเรียนประจำเช่นเดียวกัน  แต่ผมยังไม่รู้จนเมื่อเวลาผ่านไป 1  อาทิตย์  แต่เมื่อ เรารู้จักกันดี ผมมีเพื่อนมากขึ้น  และเวลาการปรับตัวนี้คงจบลงแล้ว  เวลานี้เป็นเวลาที่เศร้ามาก สำหรับผม  แต่อย่างไร  ผมก็ต้องพบอนาคตอีกมากที่ผมไม่รู้

ป.ล.  ปัจจุบันผมกำลังจะจบ  ม.6  จากโรงเรียนแสงทองวิทยา

17 มกราคม 2553

ปฐมนิเทศที่โรงเรียนแสงทองวิทยา

            หลังจากที่ผมสมัคร และสอบผ่านเข้าไปได้นั้น วันปฐมนิเทศก็มาถึง  ผมไปปฐมนิเทศพร้อมกับท่านแม่ของกระผม  ในการปฐมนิเทศโรงเรียนได้แนะนำให้นักเรียนอย่างเรา  รู้จักกับคุณครูในช่วงชั้นของเรา  แต่เวลาที่สำคัญนั้นก็คือ  ช่วงที่ผู้ใหญ่มาให้ข้อคิด โอวาท แก่พวกเรา  พ่อที่มาให้โอวาทเป็นใครผมก็จำไม่ได้ แต่สิ่งที่ผมจำได้คือ เนื้อหาโอวาทในครั้งนั้น ท่านให้บุคคล ตัวอย่างแก่เราคือ นักบุญดอมินิก  ซาวีโอ ผู้ที่เป็นตัวอย่างของคนดี  เขาเสียชีวิตตอนเป็นวัยรุ่น  และหลังจากนั้นได้รับการแต่งตั้งเป็นนักบุญ  ท่านแม่ของผม และผม ตั้งใจว่าผมจะเป็นคนดี ตามแบบอย่างของนักบุญดอมินิก  ซาวีโอ  ทั้งๆ ที่ผมยังไม่รู้ว่า เขาคนนั้น มีคติอย่างไร

ปล. ผู้ใหญ่หมายถึงนักบวช เช่น  บาทหลวง  บราเดอร์ เป็นต้น เป็นผู้ที่ดูแลกิจการของโรงเรียน
นักบุญคอมินิก  ซาวีโอเป็นนักบุญวัยรุ่น  ซึ่งอายุ  14  ปี  มีคติประจำใจว่า  "ยอมตายดี กว่าทำบาป"

16 มกราคม 2553

ชีวิตเริ่มต้นในแสงทอง

           ในสมัยผมอยู่ ป.6 เป็นช่วงเวลาที่ผมต้องออกจากโรงเรียนเก่า เพื่อไปเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษา ก่อนหน้านี้พ่อของกระผมพูดเสมอว่า อยากให้ผมไปเป็นนักเรียนประจำที่โรงเรียนแสงทองวิทยา ซึ่งอยู่ในหาดใหญ่  ครั้งที่ผมไปสมัครนั้น ผมจำได้ว่าเขาปิดรับสมัครแล้ว แต่แล้วผมก็สมัครได้จนได้เนื่องจากคุณพ่ออธิการในสมัยนั้น ให้โอกาสผมได้สมัคร และกรอก และส่งใบสมัครสอบที่นั่น หลังจากนั้นผมก็ผ่านการสอบของที่นั่นไปได้ด้วยดี ผมจึงมีโอกาสได้เรียน ที่ พ่ออยากให้เรียน......

2 มกราคม 2553

ผมไม่อยู่นะครับ 2 อาทิตย์

ผมคงไม่ได้เขียน บล็อกอีก ประมาณ 2 สัปดาห์  เพราะ อยู่โรงเรียนนะครับ  ถ้าเป็นไปได้ก็อยากหาโอกาสมาเขียน ข้อคิดไว้นะครับ  อย่าลืมแวะเข้าไปดู picasa ที่สร้างไว้  แล้วใช้งานภาพด้วยนะครับ ดีกว่าทิ้งไว้เปล่าๆ  ว่างทุกคนอย่าลืมลองใช้  service ของ google ให้ครบ จะได้รู้ว่ามันดีหรือ ไม่ดีอย่างไร  บางอย่างมันก็มีประโยชน์มากครับ  เวลาว่างก็อย่าทิ้งเสีย เอามานั่งสมาธิก็ได้นะครับ  ทุกท่านอย่าลืมทำสิ่งดีเพื่อสังคมล่ะครับ

1 มกราคม 2553

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน ส.ค.ส.ปีพุทธศักราช 2553 แก่ประชาชนชาวไทย


 ภาพจาก www.manager.co.th
ทั้งในหลวง  สมเด็จพระบรมฯ และ สมเด็จพระเทพรัตนฯ  ล้วนมีความห่งใย คนไทยทุกคน แต่ละพระองค์ ยังพระราชทาน  ส.ค.ส.ปีพุทธศักราช 2553 แก่ประชาชนชาวไทย  ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง  ทุกๆ ท่านที่เข้ามาชมก็อย่าลืม เข้าไปดู  และจงภูมิใจที่ชาติไทย ยังมีพระมหากษัตริย์  และ พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์  ทรงรักประชาชนทุกคน